สหรัฐอเมริกา เวลส์เสมอกันด้วยสกอร์ 1-1 ประเภทที่ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าพูดถึงนัก แต่อย่างน้อยทั้งสองก็มี คีย์แมน เป็นผู้มีส่วนสำคัญนำไปสู่ประตูในเกมนี้ขึ้น
แมตช์สหรัฐอเมริกา-เวลส์เป็นไปอย่างทื่อๆความหวือหวาไม่ค่อยมีให้เห็น ผลสกอร์ก็จบลงด้วยการแบ่งคะแนนกันไป แต่จะต้องบอกว่า 1 คะแนนของทั้งสอง มาจากผู้เล่น คีย์แมน ประจำทีม
ครึ่งแรกเป็นช่วงเวลาของสหรัฐอเมริกาที่ครองบอลได้เหนือกว่า แต่สหรัฐนั้นเป็นทีมที่เล่นอย่างไม่มีจินตนาการแพรวพราวอะไรเท่าไรนัก ไม่มีจินตนาการแพรวพราวอะไรเท่าไรนัก รูปเกมก็เลยต้องบอกว่าน่าเบื่อมาก
อย่างไรก็แล้วแต่ สหรัฐอเมริกาก็ยังมีผู้สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น คริสเตียน ปูลิซิช เป็นคนเดียวที่พอพอเพียงจะโชว์ลวดลายป่วนแนวรับเวลส์ได้ และประตูแรกของสหรัฐก็มาจากการจ่ายทะลุช่องอันเหมาะเหม็งของปูลิซิชให้ ทิโมธี เวอาห์ ได้ยิงนั่นเอง
ครึ่งหลังเป็นเวลส์ที่พยายามบุกเยอะขึ้น สวนทางกับสหรัฐอเมริกาที่ผ่อนเกมลง รูปร่างใหญ่โตของ คีฟเฟอร์ มัวร์ มีประโยชน์สำหรับในการเล่นลูกกลางอากาศมาก แต่เวลส์ก็เจาะตาข่ายไม่เป็นผลสำเร็จอยู่ดี
อย่างไรก็แล้วแต่ ในเมื่อ สหรัฐอเมริกา มีดาวเด่นอย่าง ปูลิซิช เวลส์เองก็มี แกเร็ธ เบล ที่เป็นตัวแบกทีมมาอย่างยาวนาน และเกมนี้เขาก็สวมบทฮีโร่อีกแล้ว
เกมนี้เบลเล่นไม่ดีเท่าไรก็จริง แต่ด้วยความช่ำชองทำให้ยังสามารถอาละวาดได้เสมอ เบลได้โอกาสใช้เหลี่ยมบังบอลจากคู่แข่งจนกระทั่งตัวเองถูกเสียบล้มในจุดโทษ ก่อนจะลุกมาสังหารเองเข้าไป
การมีคีย์แมน 2 คนนี้ ทำให้เกมจบเสมอกันอย่างมีสกอร์ มั่นใจว่าหากไร้ 2 คนนี้ ทั้งสองก็คงจะจบแมตช์ด้วยสกอร์ 0-0 และตลอดเกมคงจะไม่มีอะไรให้ชวนพูดถึงเลย
เบลช่วยชีวิต! เวลส์ได้จุดโทษไล่เจ๊าสหรัฐฯ 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของกลุ่มบี ระหว่าง สหรัฐอเมริกา ลงเล่นที่สนามอัล รายยาน สเตเดียม ในเมืองอัล รายยาน ของเจ้าของงานกาตาร์ พบกับ เวลส์
เกร็ก เบอร์ฮอลเตอร์ ที่ปรึกษาสหรัฐอเมริกา วางหมากมาในแผน 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น คริสเตียน พูลิซิช, ทิโมธี เวอาห์ และ จอช ซาร์เจนท์
ด้านเวลส์ของ ร็อบ เพจ เลือกจัดทัพมาในระบบ 3-4-3 ใช้สามแนวรุกเป็น แฮร์รี วิลสัน, แกเร็ธ เบล และ แดเนียล เจมส์
เริ่มเกมมาเป็นฝั่งของสหรัฐอเมริกาซึ่งครองบอลบุกได้เหนือกว่า จนตราบเท่านาทีที่ 36 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิช จ่ายทะลุช่องให้ ทิโมธี เวอาห์ หลุดไปจิ้มด้วยขวาระยะเผาขนตุงตาข่าย ส่งให้พญาอินทรีออกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเวลส์พยายามหาโอกาสบุกเพื่อหวังตามตีเสมอ และในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 82 ก็มาได้จุดลูกโทษ จากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล ไปโดน วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน สกัดล้มลงไป ก่อนจะเป็น แกเร็ธ เบล ลุกขึ้นยืนมาสังหารเองไม่พลาด ช่วยทำให้มังกรแดงตีเสมอ 1-1
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 กอดคอแบ่งกันไปทีมละแต้ม
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
สหรัฐอเมริกา (4-3-3)
แม็ตต์ เทอร์เนอร์; แซร์จินโญ เดสต์ (เดอันเดร เยดลิน น.74), ทิม รีม, วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, แอนโทนี โรบินสัน; เวสตัน แม็คเคนนี (เบรนเดน อารอนสัน น.66), ไทเลอร์ อดัมส์, ยูนุส มูซาห์ (เคลลีน อคอสต้า น.75); คริสเตียน พูลิซิช, ทิโมธี เวอาห์ (จอร์แดน มอร์ริส น.88), จอช ซาร์เจนท์ (ฮาจิ ไรท์ น.74)
สำรองไม่ได้ใช้
โจวานนี เรย์นา, เฮซุส เฟร์เรรา, อีธาน ฮอร์วาธ, ลูก้า เด ลา ตอร์เร, อารอน ลอง, คริสเตียน โรลแดน, แชก มัวร์, คาเมรอน คาร์เตอร์-วิคเกอร์ส, ฌอน จอห์นสัน, โจ สกัลลี
ใบเหลือง
แซร์จินโญ เดสต์ น.11, เวสตัน แม็คเคนนี น.13, ทิม รีม น.51, เคลลีน อคอสต้า น.90+10
เวลส์ (3-4-3)
เวย์น เฮนเนสซีย์; คริส เมฟาม, โจ โรดอน, เบน เดวีส์; คอเนอร์ โรเบิร์ตส์, อีธาน อัมปาดู (โจ มอร์เรลล์ น.90+5), อารอน แรมซีย์, เนโก้ วิลเลียมส์ (เบรนแนน จอห์นสัน น.79); แฮร์รี วิลสัน (ซอร์บา โธมัส น.90+3), แกเร็ธ เบล, แดเนียล เจมส์ (คีฟเฟอร์ มัวร์ น.46)
สำรองไม่ได้ใช้
คริส กันเทอร์, โจ อัลเลน, แดนนี วอร์ด, ทอม ล็อคเยอร์, จอนนี วิลเลียมส์, มาร์ค แฮร์ริส, อดัม เดวีส์, ดีแลน เลวิตต์, เบน คาบานโก้, รูบิน โคลวิลล์, แม็ทธิว สมิธ
ใบเหลือง
แกเร็ธ เบล น.40, คริส เมฟาม น.45+2